Tooth Fairy เทพพิทักษ์ฟันน้ำนม หนังอีกเรื่องของ ดีเร็ค ธอมป์สัน
Tooth Fairy เทพพิทักษ์ฟันน้ำนม หนัง
ดีเร็ค ธอมป์สัน เจ้าของสมญา เทพพิทักษ์ฟันน้ำนม (TOOTH FAIRY) นักกีฬาฮ๊อคกี้ร่างใหญ่ตัวเข้าลุยตัวหลักของทีม เขาได้ชื่อเล่นนี้มาจาก นิสัยขยันเลาะฟันคู่ต่อสู้ในระหว่างการแข่งขัน เมื่อดีเร็คพูดจาทำลายความฝันของเด็กหนุ่มน้อยคนหนึ่ง เขาจึงถูกตัดสินลงโทษให้ทำงานหนัก 1 สัปดาห์ไปปฏิบัติหน้าที่ เทพพิทักษ์ฟันน้ำนมตัวจริง แน่ล่ะ งานนี้ต้องติดปีกถือไม้กายสิทธิ์ เต็มยศขนานแท้
แรก ๆ ดีเร็คก็รับไม่ด๊าย….รับไม่ได้ เก้ ๆ กัง ๆ กับเครื่องแบบใหม่และการทำงานที่จะต้องบินไปตามบ้านของคนแปลกหน้าหลังแล้วหลังเล่า เพื่อทำหน้าที่เยี่ยงเทพพิทักษ์ฟันน้ำนม แต่เขาก็ค่อย ๆ ปรับตัวให้เข้ากับหน้าที่ใหม่ล่าสุด และตระหนักถึงความฝันทั้งหลายทั้งปวงที่เขาลืมไปนานแล้ว
สำหรับหนังเรื่องนี้เรารู้สึกว่ามันสำคัญมากที่จะต้องถ่ายทอดช่วงหนึ่งของวิถีชีวิตนายดีเร็คออกมาให้ผู้ชมเห็นว่ามาดแมนแกร่งกล้า และเป็นผู้ชายที่ใช้กีฬานำชีวิตเต็ม ๆ นั่นทำให้เราคิดกันว่าน่าจะให้เขาเป็นนักฮ๊อคกี้ คิอาร์ดิเล่า เราทาบทามโค้ชมาร์ค เอลลิ มาเป็นที่ปรึกษาฉากอ๊ฮคกี้เพื่อให้ฉากการแข่งขันออกมาสมจริงสุดๆ
ส่วนผู้กำกับไมเคิล เล็มเบ็ค ซึ่งก็เป็นแฟนตัวยงของกีฬาฮ๊อคกี้มานาน ยอมรับเลยว่าฉากอ๊อคกี้ตามท้องเรื่องนี่เป็นช่วงที่น่าประทับใจสุดยอดของงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ?ผมตัดสินใจที่จะไม่นำเสนอภาพเดิม ๆ แบบที่เคยเห็นกันในหนังฮ๊อคกี้หลายเรื่องมาก่อนแล้ว แต่จะพยายามเก็บบรรยากาศแวดล้อมของฮ๊อคกี้ที่เกิดขึ้นบนลานน้ำแข็ง ทั้งความสวยงาม, ทักษะเชิงกีฬา, ความรวดเร็วว่องไว, การดำเนินไปและความดิบของฮ๊อคกี้แท้ ๆ เขากล่าว ?ผมตื่นเต้นมากที่ได้รับคำแนะนำและร่วมงานกับโค้ช มาร์ค เอลลิส ในการถ่ายทำฉากฮ๊อคกี้ นักสเก็ตของเรานี่สุดยอดฝีมือตัวจริง ตั้งแต่พวกเด็ก ๆ ที่เข้าฉากเป็นส่วนหนึ่งของทีมโรงเรียน ไปจนถึง พวกมืออาชีพตัวจริง การถ่ายทำที่กล้องแทบจะเรี่ยติดพื้นน้ำแข็งช่างสัมผัสได้ถึงพลังของสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นแสดงออกมากันอย่างเต็มที่ครบทุกเม็ดจริง ๆ
หนังส่วนที่สองเน้นที่ตัวละครหลักคือ ดีเร็ค , คาร์ลี่ และหน้าใสวัยเยาว์อย่าง เทส กับ แรนดี้ ซึ่งจะเป็นช่วงสำคัญของภาพยนตร์ที่สะท้อนภาพวิถีชีวิตจริง ๆ ตัวละครเหล่านี้
หนังส่วนที่สามนี่ต้องยกกองทั้งนักแสดงและคณะผู้สร้างไปถ่ายทำกันใน Mammoth Studios ซึ่งเป็นโรงถ่ายทำภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่สุดของแวนคูเวอร์ ที่จำลอง ดินแดนเทพนิยาย เอาไว้ทั้งเมือง มาร์เซีย ไฮนด์ ผู้ออกแบบสร้างสรรค์ฉากเนรมิตเมืองที่รองรับการทำงานอันโกลาหลของเทพผู้พิทักษ์ฟันน้ำนมที่จะเดินทางไปทั่วโลก เพื่อเก็บสะสมฟันน้ำนมตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งจะเห็นได้จากสถานีรถไฟขนาดมหึมาในช่วงนี้ของภาพยนตร์ แนวคิดที่วางไว้ก็คือจะต้องไม่ประตูเลยแม้สักบานเดียว แต่จะเป็นการออกแบบเพื่อให้เหล่าเทพผู้พิทักษ์ฟันน้ำนมเข้า-ออกสถาปัตยกรรมปลายเปิดแห่งนี้ซึ่งลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศได้ตามใจปรารถนา
