Unlucky Ploy ซีรีย์สะท้อนสังคมของการบูลลี่
Unlucky Ploy ซีรีย์สะท้อนสังคมของการบูลลี่
ต้องบอกว่าประเด็นเรื่องของบูลลี่ การนำเอาจุดด้วยของแต่ละคนมาเป็นเรื่องพูดหยอกล้อกันอย่างสนุก เป็นเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในสังคม และมีหลายคนที่ต้องมีชีวิตที่บอบช้ำกับการโดนบูลลี่จากคนรอบตัว จึงเกิดการเรียกร้องให้หยุดการบูลลี่และการมี Beauty Privilege
และสำหรับซีรีย์ Unlucky Ploy ชีช้ำกะหล่ำพลอย ที่แม้เส้นการเล่าเรื่องทั้งหมดจะไม่ใช่การพูดถึงเรื่องของบูลลี่โดยตรง แต่เป็นการหยิบเอาประเด็นการบูลลี่และ Beauty Privilege มาเป็นการจุดประกายของเรื่อง จากเรื่องราวของผู้หญิงสองคนที่ชื่อเดียวกัน คือ พลอย ที่ความแตกต่างอยู่ที่ความสวย จนทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมเพียงเพราะหน้าตา อย่างที่กล่าวไปว่าเนื้อเรื่องทั้งหมดไม่ได้มีประเด็นหลัก จึงมีเรื่องของการแก้แค้น การยึดติด และการก่อตัวของความรักครั้งใหม่
ซึ่งการเริ่มต้นและการก่อตัวของความรักของใหม่ของ พลอย ที่รับบทโดย กรีน อัษฏาพร ก็มักจะมีเรื่องการบูลลี่เรื่องหน้าตาและบุคลิกภาพ เรื่องของความไม่เหมาะสมกับการคบหากับนาย รับบทโดย โย่ง อาร์มแชร์ เป็นการบูลลี่จากทั้งกลุ่มเพื่อนของนายและแม่ของนายที่รับบทโดย แก้ว อภิรดี ซึ่งซีรีย์เรื่องนี้หยิบเอาประเด็นของบูลลี่มาเล่าให้มุมของผู้ที่ถูกกระทำ บอกต่อถึงความรู้สึก เล่าถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับผู้ถูกกระทำ ผู้เขียนบทเขียนเล่าแบบมีเล่ห์นัย ให้ผู้ชมมีความรู้สึกว่าพลอยเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง ทนได้กับทุกสถานการณ์ รับได้กับทุกคำพูดที่สาดเข้ามา แต่ในความจริงแล้วสิ่งเหล่านั้นคือการสะสมของการบั่นทอนที่คนๆหนึ่งต้องเจอมาตลอดทั้งชีวิต กับการโดนล้อเลียนหรือการเป็นผู้ที่ถูกมองข้ามเพียงเพราะหน้าตาไม่สวย
ต้องบอกว่าแม้จะเป็นซีรีย์ที่เล่าเกี่ยวกับความรักของคนชื่อเหมือนที่บังเอิญเรียนโรงเรียนเดียวกัน เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่กลับมามีปัญหากันในช่วงชีวิตของการแต่งงานและชีวิตคู่ แต่ในส่วนของประเด็นจุดประกายก็เล่าออกมาได้ดี นำเสนอในมุมที่คิดว่าหลายคนคงลืมถึงนึกหรือนึกถึงเป็นสิ่งสุดท้าย แต่แม้จะเป็นการนำเอาประเด็นสังคมมาจุดประกาย แต่การเล่าเรื่อง ฉาก ภาพ แสง ของการถ่ายทำ ถูกทำออกมาให้คล้ายกับซีรีย์แบบเกาหลี ความเครียดของเรื่องประเด็นที่อยากจะนำเสนอถูกอาจจะถูกกลืนหายไปบ้าง เพราะความน่ารักสดใสที่สื่อออกมาอย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม ผู้จัดสามารถหาจุดในการดึงประเด็นที่ต้องการสื่อออกมาได้ถูกช่วงเวลา ทำให้ไม่ขัดอารมณ์ในการรับชมจนเกินไป ไม่รู้สึกค้างคาของการสื่อสาร แม้ว่าเป็นซีรีย์ที่ออนแอร์จนจบแล้ว แต่ยังหากรับชมย้อนหลังได้ทางแอพลิเคชั่น True ID เป็นอีกหนึ่งซีรีย์ที่แนะนำเลย
